แนวคิดและรูปแบบเกี่ยวกับการสอน
แนวคิดเกี่ยวกับการสอน เป็นศิลป์และศาสตร์ของการสอน ซึ่งเป็นการเรียนสอนในฐานะวิชาชีพชั้นสูง ที่ต้องมีลักษณะเฉพาะเจาะจงโดมีจุดมุ่งหมายการสอนที่เน้นการสอนไม่ใช่แค่เพียงการสอนที่เป็นการให้ความรู้ที่ครูผู้สอนเป็นผู้ถ่ายทอดวิทยาการซึ่งเป็นการเรียนการสอนที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนเพียงทางเดียวที่เรียกว่า Teaching แต่เป็นการเรียนการสอนที่มีวิทยาการในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ 2 ทาง เรียกว่า Instruction โดยคำสำคัญที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน ประกอบด้วย ทฤษฎีการสอน แนวคิดทางการสอน ระบบการสอน หลักการสอน ทักษะการสอน เทคนิคการสอน และนวัตกรรมการสอน ซึ่งการพัฒนาการและแนวคิดเกี่ยวกับการสอน แบ่งได้เป็นแนวคิดทางอนุรักษ์นิยม ที่เน้นทางด้านการเรียนรู้แบบเดิมๆ ที่เน้นถึงการเรียนรูป การทำให้ดู(สาธิต) และการท่องจำ แนวคิดทางเสรีนิยมเป็นการเน้นการเรียนการสอนที่ลงมือปฏิบัติที่มีการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
แนวคิดเกี่ยวกับการสอน เป็นแบบหรือแผนการสอนที่จัดขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งรูปแบบการสอน ประกอบด้วย กลุ่มรูปแบบการสอน มีลักษณะการจัดกลุ่มหลายรูปแบบเช่น การจัดกลุ่มตามแนวความคิดของจอยส์และเวลเป็นรูปแบบที่มุ่งพัฒนาปฎิสัมพันธ์ พัฒนากระบวนการคิด พัฒนาบุคลิกภาพ และพัฒนาพฤติกรรม กลุ่มการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีรูปแบบการสอนแบ่งเป็นรูปแบบการสอนตามแนวพุทธวิธีและการคิดแบบโยนิโสมนสิการ การเรียนการสอนแบบแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน การสอนโดยใช้โครงการ การเรียนรู้ที่เน้นการวิจัยเพื่อสร้างสรรค์ การเรียนรู้จากาการทำงาน การเรียนรู้โดยการสร้างผลงานจากการตกผลึกทางปัญญา การสอนแบบอิงประสบการณ์ การเรียนรู้แบบเน้นประสบการณ์ และการเรียนรู้เป็นรายบุคคล ซึ่งในการสอนแต่ละวิธีสามารถมีกิจกรรมที่สามารถใช้เสริมในการเรียนการสอนดังนี้ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการแสวงหาความรู้ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการนำเสนอผลงาน กิจกรรมที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการสังเกต กิจกรรมที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกับกลุ่ม กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง กิจกรรมที่เกี่ยวกับการจัดและดำเนินงานอย่างมีระบบ และกิจกรรมที่เกี่ยวกับการประเมิน
การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
การจัดการศึกษาที่ให้ผู้เรียนสำคัญที่สุด เป็นการจัดการศึกษาที่ให้ผู้เรียนแสดงหาความรู้และพัฒนาความรู้ด้วยตัวเอง ต้องมีการจัดสภาพการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีการตื่นตัวทั้งด้านกาย สติปัญหา อารมณ์ ลังคมและกิจกรรมในการเรียนรู้โดยมีบทบาทดังกล่าวมากกว่าผู้สอน โดยมีการส่งเสริมผู้เรียนให้มีพัฒนาการเรียนรู้ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพทั้งนี้ผู้สอนต้องจักสภาพแวดล้อมภาระงานหรือชินงานไห้แก่ผู้เรียน โดยมีรูปแบบหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย
การสอนตามแนวพุทธวิธีและการคิดแบบโยนิโสมนสิการ หมายถึง หลักการสอนและวิธีการสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนแก่บุคคลประเภทต่างๆทั้งที่ปรากฏในพระไตรปิฎกและจากการประยุกต์พุทธวิธีสอน โดยนักวิชาการศึกษา ซึ่งวิธีการสอนตามแนวพุทธวิธี มี 10 วิธี คือ แบบบรรยาย แบบไตรสิขา แบบธรรมสากัจฉา แบบอริยสัจสี่ แบบปุจฉาวิสัชนา แบบสืบสวนสอบสวนตามแนวพุทธศาสตร์ แบบเบญจขันธ์ แบบพหูสูต แบบอุปมาอุปมัย และแบบกระบวนการการเผชิญสถานการณ์ ในแต่ละรูปแบบมีประเภทของวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ คือ แบบสืบสาวเหตุปัจจัย แบบแยกแยะส่วนประกอบ แบบสามัญลักษณ์ แบบแก้ปัญหา แบบอรรถธรรมสัมพันธ์ แบบคุณโทษและทางออก แบบคุณค่าแท้-คุณค่าเทียม แบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม แบบเป็นอยู่ในขณะปัจจุบัน และแบบวิภัชวาท
การเรียนรู้แบบแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง (Self Study) มีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนดังนี้ การจัดการเรียนการสอนโดยการทดลอง การจัดการเรียนการสอนโดยการแก้ปัญหา การวิเคราะห์โดยการสืบสวนสอบสวน วิธีการสอนโดยการศึกษานอกสถานที่ วิธีการสอนโดยใช้ชุดการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และการสอนโดยใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
การเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning : PBL) เป็นการเรียนการสอนที่จัดกิจกรรมการเรียนโดยใช้ปัญหาที่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมหรือในวิชาชีพเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนหาความรู้เองแทนที่ผู้สอนจะทำหน้าที่เป็น Tutor หรือ Facilitator ไม่ใช่ผู้ถ่ายทอดความรู้
การสอนโดยใช้โครงการ (Project-Based Learning) เป็นลักษณะบูรณาการเนื้อหาหลายรายวิชารวมกันทั้งด้านทฤษฏี และปฏิบัติ โดยผู้สอนมีหน้าที่จัดเตรียมสถานการณ์ สื่อ และเครื่องอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนได้ทำงานจนบรรลุเป้าหมายของโครงการ โดยประเภทของโครงการแบ่งตามสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยได้แบ่งลักษณะโครงการไว้ 4 ประเภท ได้แก่ 1.โครงการประเภทสำรวจรวบรวมข้อมูล (Survey Project) 2.โครงการประเภททดลอง (Experimental Project) 3.โครงการประเภทประดิษฐ์(Developmental) 4. โครงการประเภทสร้างทฤษฎีหรืออธิบาย(Theoretical Project)
การเรียนรู้โดยการสร้างผลงานจากการตกผลึกทางปัญญา(Crystal-Approach Learning) เป็นการสร้างองค์ความด้วยตนเอง คิดเอง และทำเอง จนเกิดการตกผลึกเป็นความคิดของตนเองโดยเริ่มจากการรวบรวม ทำความใจ สรุป วิเคราะห์ สังเคราะห์ จากการศึกษาด้วยตนเอง เหมาะสำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
การเรียนรู้จากการทำงาน (Work-Based Learning) ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทุกด้านการเรียนรู้เนื้อหาสาระ การฝึกปฎิบัติจริง การฝึกทักษะทางสังคม การพัฒนาทักษะชีวิต การพัฒนาทักษะวิชาชีวิต การพัฒนาทักษะการคิดระดับสูง ส่วนใหญ่เป็นความร่วมมือกับหน่วยงานที่มักอยู่ในชุมชน หรือหน่วยงานมีการร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนร่วมกับสถาบันโดยร่วมกันกำหนดเนื้อหา
การเรียนรู้ที่เน้นการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ (Research –Based Learning) เป็นการเรียนรู้ทีเน้นการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ มีความเชื่อว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล บุคคลเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ขึ้นโดยสัมพันธ์ สิ่งที่พบกับความรู้เดิมจึงเป็นการเรียนรู้การตีความหมายที่แท้จริง
การเรียนรู้แบบเน้นประสบการณ์ (Experienced Instruction) เป็นวิธีการส่งเสริมการเรียนรู้จากประสบการณ์เดิมหรือการสะท้อนกลับความรู้ ความคิดเห็นที่มีต่อสิ่งต่างๆเน้นที่กระบวนการเรียนรู้มากกว่าผลการปฏิบัติ เทคนิคได้แก่ การใช้สถานการณ์จำลอง การใช้เกม การใช้บทบาทสมมุติ การใช้กรณีศึกษา การศึกษานอกสถานที่ เป็นต้น
การสอนแบบอิงประสบการณ์ (Experience – Based Approach) เป็นวิธีการสอนที่มุ่งให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ โดยใช้ความรู้และทักษะความชำนาญตามที่จำเป็นเพื่อเผชิญ ผจญและเผด็จประสบการณ์ที่กำหนด โดยที่เป็นการผสมผสานหลายแบบ โดยจิตวิทยาสำหรับการสอนแบบอิงประสบการณ์ ได้แก่ ทฤษฎีกลุ่มเชื่อมโยงนิยม (S-R Theories) และทฤษฎีกลุ่มประสบการณ์นิยม (Field/Gestalt)
การเรียนรู้เป็นรายบุคคล (Individual Study) เป็นการออกแบบการสอนเป็นรายบุคคล เป็นกระบวนการวิเคราะห์และสังเคราะห์งารนการสอนที่รายบุคคลอย่างจงใจ (Deliberate Process) โดยเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ปัญหาการสอนรายบุคคล และจบลงด้วยการได้แผนการสอนรายบุคคลเชิงปฏิบัติ โดยมีองค์ประกอบของการสอนรายบุคคลประกอบด้วย บทบาทของผู้เรียน บทเรียนหรือโปรแกรมการสอนรายบุคคล และกระบวนการสอนรายบุคคล ซึ่งขั้นตอนการออกแบบการสอนรายบุคคลเริ่มต้นจากการกำหนดวัตถุประสงค์หรืองานการเรียน การออกแบบการสอนและสื่อการสอนรายบุคคล การวินิจฉัยและการกำหนดการเรียน และร่างแม่แบบกระบวนการสอนรายบุคคล
ที่มา : รศ.ดร.สิริวรรณ ศรีพหล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น